สตีฟราวน์ลาออก ผู้อำนวยการกีฬาเอดู ยืนยันการจากไปของสตีฟราวน์

สตีฟราวน์ลาออก อาร์เซนอลยืนยันการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อผู้ช่วยของ มิเกล อาร์เตตา สตีฟ ราวน์ ออกจากสโมสรในอีเมลถึงพนักงานของสโมสรเมื่อวันพฤหัสบดี ผู้อำนวยการกีฬา เอดู ยืนยันการจากไปของ สตีฟ ราวน์ ซึ่งอยู่กับสโมสรตั้งแต่ มิเกล อาร์เตตา ได้รับการแต่งตั้งในปี 2019

อาร์เซนอลได้ออกมายืนยันว่า สตีฟ รอนเด ผู้ช่วยของ มิเกล อาร์เตตา ได้ย้ายออกจากสโมสรเรียบร้อยแล้วโดยมีการยินยอมของทั้งสองฝ่ายรอบนี้เล่นในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม นับตั้งแต่ อาร์เตตา เข้ามารับตำแหน่งในปี 2019 และถือว่ามีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูสโมสร อย่างไรก็ตาม ในอีเมลที่ เอดู ผู้อำนวยการกีฬาส่งให้พนักงาน ยืนยันว่าการจากไปของราวน์

โดยในจดหมายดังกล่าวระบุว่า ในขณะที่การเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ดำเนินไป เราสามารถยืนยันได้ว่าสตีฟ รอบด์ ได้ออกจากสโมสรผ่านข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายแล้ว สตีฟเข้าร่วมสโมสรในเดือนธันวาคม 2019 และกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมโค้ชคนใหม่ของเราเมื่อมิเกลเริ่มเป็นหัวหน้าโค้ช

ในช่วงที่เราเล่น สตีฟได้ทำงานร่วมกับนักเตะทีมชายชุดแรกของเราและช่วยให้เราก้าวหน้าอย่างมากในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา และเขาก็มีบทบาทที่ขาดไม่ได้ เราขอขอบคุณสตีฟที่มีส่วนร่วมในสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลและขอให้เขาและครอบครัวมีสุขภาพที่ดีและมีความสุข

ทำให้เป็นที่เข้าใจกันว่า โรลด์ ลดบทบาทลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา,สำหรับ อัลเบิร์ต สไตเวนเบิร์ก จะยังคงทำหน้าที่ผู้ช่วยอีกคนต่อไป ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการแต่งตั้งบุคคลแทนหรือไม่

รอบแรก ที่เจอกับ อาร์เตตา กุนซือเดอะ กันเนอร์ส ที่เคยรับใช้ต้นสังกัดของ เดวิด มอยส์ ในช่วงที่เล่นให้กับเอฟเวอร์ตัน ยังเคยร่วมงานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิล มาก่อนที่ อาร์เซนอล จะเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ แอสตัน วิลลา อีกด้วย ความฝันฟุตบอล

การเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ดำเนินไป เราสามารถยืนยันได้ว่าสตีฟ รอบด์ ได้ออกจากสโมสร

กล่าวสุนทรพจน์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา,โดยแข้งวัย 52 ปี ได้อธิบายถึงกิจวัตรประจำวันของตัวเองว่า ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมโค้ช หน้าที่ของผมก่อนอื่นคือการช่วยผู้จัดการทีมในการโค้ชทีม และช่วยโค้ชหน่วยตำแหน่งและบุคคลในทีม

กุญแจสำคัญในทุกสิ่งที่เราทำคือการพยายามช่วยให้ทีมชนะในวันแข่งขัน ดังนั้นผมจึงอยู่ที่นั่นเพื่อสนับสนุนโค้ช ท้าทายความคิดของโค้ช และแบ่งปันความรู้ของผมให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป้าหมายของผมคือการช่วยให้ทีมชนะ แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้นักเตะและสตาฟฟ์พัฒนา นั่นคือธรรมชาติของโค้ช

จากนั้นในวันแข่งขันจะเป็นการช่วยให้ทีมมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยส่วนตัว การประชุมหน่วย หรือการสนับสนุนผู้จัดการทีมในการประชุมทีม เพื่อช่วยพัฒนาแผนการเล่นและโครงสร้างแท็กติกต่างๆ เพื่อให้ทีมมีข้อมูลที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ เขากล่าวเสริม

เมื่อเกมเริ่มขึ้นแล้ว คุณต้องมีบทบาทในการวิเคราะห์มากขึ้น เราจะสร้างความแตกต่างในด้านแท็กติกหรือเทคนิคได้อย่างไร เราต้องมีตัวสำรองไหม คู่แข่งทําอย่างไร พวกเขากําลังทําอะไรอยู่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสังเกตให้มากที่สุด www.entente-setif.com