ต้องเหนื่อยต่อ อิตาลี,โปรตุเกส คอนเฟิร์ม10ชาติยุโรป(ชุดแรก)ได้ตั๋วลุยบอลโลก2022

ต้องเหนื่อยต่อ

ต้องเหนื่อยต่อ ในเวลานี้โซนยุโรปได้ 10 ชาติ จากทั้งหมดทั้งปวง 13 โควตา เข้าไปสู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบท้ายที่สุด ที่ประเทศกาตาร์ เป็นที่เรียบร้อย

ต้องเหนื่อยต่อ ในเวลานี้โซนยุโรปได้ 10 ชาติ จากทั้งหมดทั้งปวง 13 โควตา เข้าไปสู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบท้ายที่สุด ที่ประเทศกาตาร์ เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งชาติยักษ์ใหญ่อย่าง เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน, เนเธอร์แลนด์ แล้วก็ อังกฤษ มากันครบ

จะขาดก็แค่อิตาลี แล้วก็ โปรตุเกสที่จำเป็นต้องไปลุ้นต่อสำหรับในการเตะเพลย์ออฟ ด้วยเหตุว่าดันฟอร์มตกในช่วงโค้งสุดท้าย แล้วก็นี่เป็นใบหน้า 10 ชาติจากทวีปยุโรปชุดแรก ที่การันตีการผ่านเข้าไปลุยบอลโลกเวอร์ชั่นตะวันออกกลางช่วงปลายปีถัดไป

เซอร์เบีย (แชมป์กลุ่มเอ) กองทัพลูกหนังเซิร์บที่มีสตาร์ดังอย่าง ดูซาน วลาโฮวิช, ดูซาน ทาดิช, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช แล้วก็ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช แซง โปรตุเกสเข้าป้ายครองแชมป์กลุ่ม เอ ได้อย่างสุดอลังการ

ข้างหลังบุกไปเชือด “ฝอยทอง” ถึงที่หน้าบ้าน 2-1 สำหรับในการแข่งขันนัดหมายในที่สุด เมื่อคืนนี้วันอาทิตย์ โดยที่ได้ประตูชัยในนาทีที่ 90 จากการกระแทกของ มิโตพระอาทิตย์ช ซึ่งเดี๋ยวนี้อยู่กับ ฟูแล่ม นับว่าเป็นอีกครั้งที่น่าสังเกต

ดูเป็นอย่างยิ่งในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ ข้างหลังจบรอบเลือกเฟ้นแบบไม่มีพ่ายแพ้ (ชนะ 6, เสมอ 2) สเปน (แชมป์กลุ่มบี)
แม้ระยะหลังยิงคู่แข่งไม่มาก แต่ก็เพียงพอกับการเป็นแชมป์กลุ่มบี สำหรับทัพ “กระทิงดุ” ของกุนซือ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ที่มีสถิติชนะ 6 จาก 8 เกม (เสมอ 1, แพ้ 1)

หลังปิดฉากนัดสุดท้ายด้วยการเปิดบ้านเชือด สวีเดน 1-0 เมื่อคืนวันอาทิตย์ โดยที่ได้ประตูชัยนาทีที่ 86 จาก อัลบาโร่ โมราต้า ซึ่งถือเป็นเกมตัดสินให้พวกเขาจบอันดับหนึ่งของกลุ่ม สวิตเซอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่มซี)

แซงอิตาลี คว้าแชมป์กลุ่ม ซี ในนัดสุดท้าย หลังเปิดบ้านกด บัลแกเรีย 4-0 เมื่อคืนวันจันทร์ ขณะที่อิตาลี ทำได้แค่บุกไปเจ๊า ไอร์แลนด์เหนือ 0-0 ซึ่งแน่นอนว่า จุดเปลี่ยนสำคัญคือเกมนัดก่อนหน้าที่พวกเขาออกไปเสมอ “อัซซูร์รี่” 1-1 เมื่อวันศุกร์ที่ 12 พ.ย.

โดยที่พวกเขาเสียจุดโทษนาทีสุดท้าย แต่ จอร์จินโญ่ ยิงไม่เข้า ทำให้พวกเขาได้ 1 แต้มสุดสำคัญกลับบ้าน ต้องเหนื่อยต่อ จุดแข็งของทีมแดนนาฬิกาชุดนี้อยู่ที่เกมรับ เพราะในรอบคัดเลือกหนนี้ เสียแค่ 2 ประตูเท่านั้น จากการลงแข่ง 8 นัด

ฝรั่งเศส (แชมป์กลุ่มดี) ถึงแม้มีฟอร์มฝืดบ้างในบางนัด แต่ทีมแชมป์เก่าของกุนซือ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ก็ยังสามารถคว้าตั๋วเข้าไปป้องกันแชมป์ได้แบบไม่ยากเย็น ด้วยสถิติไร้พ่ายตลอดการลงเล่น 8 นัด (ชนะ 5, เสมอ 3) และด้วยขุมกำลังนักเตะที่ดูเหนือกว่าชาวบ้าน

ต้องเหนื่อยต่อ โดยเฉพาะแนวรุกที่อุดมไปด้วยแข้งระดับสตาร์ดัง แน่นอนว่า “ตราไก่” ยังคงถูกมองเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์เหมือนเดิม แถมเพิ่งได้แชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก มาหมาดๆ เมื่อเดือนก่อนด้วย 7M ผลบอลสด

ต้องเหนื่อยต่อ

ชาติยักษ์ใหญ่อย่าง เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน, เนเธอร์แลนด์ แล้วก็ อังกฤษ มากันครบ จะขาดก็แค่ อิตาลี แล้วก็ โปรตุเกส

ต้องเหนื่อยต่อ เบลเยียม (แชมป์กลุ่มอี) “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ที่คว้าอันดับ 3 จากครั้งที่แล้ว และทีมเบอร์ 1 ใน ฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง ปัจจุบัน ยังคงทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตามมาตรฐาน และคว้าแชมป์กลุ่มอี ได้แบบสบายๆ ด้วยสถิติไร้พ่าย (ชนะ 6, เสมอ 2)

ซึ่งน่าสนใจเหลือเกินว่า เบลเยียม ยุค “โกลเด้น เจเนอเรชั่น” จะไปได้ไกลแค่ไหนในทัวร์นาเมนต์ที่ กาตาร์ เพราะยุคทองของพวกเขาใกล้หมดเวลาเต็มทีแล้ว เดนมาร์ก (แชมป์กลุ่มเอฟ) ถึงแม้เกมสุดท้ายออกไปพ่าย สกอตแลนด์ 0-2

แต่ทัพลูกหนังแดนโคนม คว้าแชมป์กลุ่มได้อย่างเหนือชั้น แถมทำผลงานได้ดีเกินคาดด้วย เพราะก่อนหน้านั้นพวกเขาคว้าชัยรวด 9 นัด ทำได้ถึง 30 ประตู และเสียแค่ประตูเดียว ทำให้ เดนมาร์ก ถือเป็นอีกทีมที่น่าสนใจ หลังทำผลงานดีต่อเนื่อง มาตั้งแต่ศึก ยูโร 2020

เนเธอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่มจี) ชัยชนะเหนือ นอร์เวย์ 2-0 ในนัดสุดท้าย เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ทัพ “อัศวินสีส้ม” คว้าแชมป์กลุ่มจี พร้อมคว้าตั๋วลุยบอลโลกรอบสุดท้ายที่ กาตาร์ ได้แบบอัตโนมัติ หลังจากที่พวกเขาไม่ได้ไปเล่นในหนก่อน (ปี 2018 ที่ประเทศรัสเซีย)

นอกจากนี้ยังถือเป็นประสบการณ์ในศึก ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ หนสองสำหรับกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล วัย 70 ปี ด้วย หลังจากที่เจ้าตัวเคยพา เนเธอร์แลนด์ คว้าอันดับ 3 เมื่อปี 2014 ที่ประเทศบราซิล โครเอเชีย (แชมป์กลุ่มเอช)

รองแชมป์เก่าอย่าง “ตาหมากรุก” ยังคงเป็นทีมที่ไม่อาจมองข้ามได้ หลังแซง รัสเซีย คว้าแชมป์กลุ่ม เอช ในแมตช์ชี้ชะตานัดสุดท้าย ที่พวกเขาเปิดบ้านเชือด “หมีขาว” 1-0 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยทีมของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช มีจุดแข็งอยู่ที่เกมรับ

ซึ่งเสียแค่ 4 ประตูเท่านั้น (จาก 10 เกม) และมีแดนกลางที่อัดแน่นไปด้วยแข้งคุณภาพ นำโดย ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ มาริโอ ปาซาลิช ขณะที่แนวรุกก็มีดาวดังอย่าง อีวาน เปริซิช และ อันเดร ครามาริช เป็นตัวชูโรง

อังกฤษ (แชมป์กลุ่มไอ) แม้ต้องลุ้นยันเกมสุดท้าย ต้องเหนื่อยต่อ แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับ “สิงโตคำราม” ของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในการคว้าตั๋วลุยบอลโลกรอบสุดท้าย หลังบุกไปกระซวกสมันน้อยอย่าง ซาน มาริโน่ 10-0 เมื่อคืนวันจันทร์

ขณะที่ แฮร์รี่ เคน ยอดดาวยิงประจำทีม กระตุ้งไปถึง 12 ลูก ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในศึกบอลโลกรอบคัดเลือก โซนยุโรป หนนี้ ร่วมกับ เมมฟิส เดอปาย ของ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี (แชมป์กลุ่มเจ) ทีมแชมป์โลก 4 สมัย คว้าตั๋วลุยรอบสุดท้ายได้แบบสบายๆ

และถือเป็นชาติแรก (ไม่นับชาติเจ้าภาพ) ที่ทำได้สำเร็จ โดยตลอด 10 เกมในรอบคัดเลือก พวกเขาแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้น (ชนะ 9) ซึ่งนั่นก็คือเกมที่พลิกล็อกพ่าย มาซิโดเนียเหนือ คาบ้าน 1-2 เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม แต่ 7 เกมหลังจากนั้น

ต้องเหนื่อยต่อ ภายใต้การนำทัพของกุนซือคนใหม่อย่าง ฮันซี่ ฟลิค พวกเขาเดินหน้าเก็บชัยรวด พร้อมกับทำได้ถึง 31 ประตู เสียแค่ 2 ลูกเท่านั้น!!! ผีเล็งมันโช่

Share:

Author: admins